การเขียนบทความที่ดี ไม่ใช่แค่ให้ข้อมูล แต่ต้อง อ่านง่าย กระชับ และโน้มน้าวใจ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและคล้อยตาม โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลมีมากมาย หากเนื้อหาไม่น่าสนใจหรือเข้าใจยาก ผู้อ่านก็อาจเลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น มาดูกันว่า การเขียนบทความให้น่าอ่านและโน้มน้าวใจ ต้องมี ขั้นตอน อย่างไรบ้าง
1. ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
ก่อนจะเริ่มเขียน ต้องรู้ว่ากำลังเขียนให้ใครอ่าน เพราะผู้อ่านแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมและความต้องการแตกต่างกัน
กลุ่มเป้าหมายหลัก
- นักเรียน นักศึกษา → ชอบเนื้อหาสั้น กระชับ เข้าใจง่าย
- นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ → ชอบข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ
- คนทั่วไป → ชอบบทความที่อ่านง่าย ใช้ภาษาธรรมดา
วิธีทำให้บทความตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
- ใช้ภาษาที่เหมาะกับผู้อ่าน
- ยกตัวอย่างหรือกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง
- ใช้โทนเสียงให้เหมาะกับเนื้อหา (เป็นทางการ, เป็นกันเอง ฯลฯ)
2. สร้างหัวข้อที่ดึงดูดใจ
หัวข้อ (Title) เป็นสิ่งแรกที่ผู้อ่านเห็น ถ้าไม่ดึงดูดใจ คนก็อาจไม่คลิกอ่าน
เทคนิคตั้งหัวข้อให้น่าสนใจ
✔ ใช้คำที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “เคล็ดลับ” “วิธีง่ายๆ” “ห้ามพลาด”
✔ ทำให้เห็นประโยชน์ทันที เช่น “5 วิธีเขียนบทความให้ขายดี”
✔ ใช้ตัวเลขเพิ่มความน่าอ่าน เช่น “7 ขั้นตอน…” “10 เทคนิค…”
ตัวอย่างหัวข้อที่ดี
❌ “วิธีเขียนบทความ” (ธรรมดาเกินไป)
✔ “5 เทคนิคเขียนบทความให้คนอ่านจนจบ!” (ดึงดูดและชัดเจน)
3. เปิดเรื่องให้น่าสนใจ (Hook)
จุดสำคัญของ ย่อหน้าแรก คือการดึงความสนใจ ถ้าผู้อ่านรู้สึกว่าน่าสนใจ พวกเขาจะอ่านต่อ
เทคนิคการเปิดเรื่องให้ดึงดูด
- ใช้คำถามกระตุ้นความคิด → “เคยไหม? เขียนบทความแล้วไม่มีคนอ่าน!”
- ใช้สถิติที่น่าสนใจ → “90% ของคนอ่านบทความแค่ย่อหน้าแรก แล้วเลื่อนผ่าน”
- ใช้เรื่องราวสั้น ๆ (Storytelling) → “เมื่อปีที่แล้ว ฉันเคยเขียนบทความที่ไม่มีใครสนใจ จนเจอเทคนิคนี้…”
ตัวอย่างเปิดเรื่องที่ดี
❌ “การเขียนบทความเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเขียน” (ไม่น่าสนใจ)
✔ “คุณรู้ไหมว่า… แค่เปลี่ยนวิธีเขียน หัวข้อเดียวกันก็อาจมียอดอ่านเพิ่มขึ้น 10 เท่า!” (สร้างความสงสัย)
4. แบ่งเนื้อหาให้เป็นโครงสร้างที่อ่านง่าย
บทความที่ดีต้องมีโครงสร้างชัดเจน แบ่งเป็นหัวข้อย่อย (Subheadings) และใช้ Bullet Points เพื่อให้ผู้อ่านไม่รู้สึกว่าเนื้อหาหนักเกินไป
โครงสร้างที่ดีของบทความ
บทนำ – ดึงดูดความสนใจ และบอกว่าบทความนี้จะพูดถึงอะไร
เนื้อหา – แบ่งออกเป็นหัวข้อย่อยที่อ่านง่าย เช่น วิธีการ ขั้นตอน หรือเคล็ดลับ
สรุป – ย้ำประเด็นสำคัญ และอาจมี Call to Action (CTA)
ตัวอย่างการจัดโครงสร้าง
❌ เนื้อหาเรียงยาว ไม่มีหัวข้อย่อย → ผู้อ่านจะรู้สึกว่าอ่านยาก
✔ มีหัวข้อย่อย + Bullet Points → อ่านง่ายขึ้น
5. ใช้ภาษาที่กระชับและเข้าใจง่าย
การเขียนบทความให้อ่านง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาทางการหรือศัพท์ยาก ๆ
เทคนิคเขียนให้เข้าใจง่าย
✔ ใช้ประโยคสั้น ๆ (15-20 คำ/ประโยค)
✔ หลีกเลี่ยงศัพท์วิชาการที่ซับซ้อน
✔ ใช้คำที่เป็นกันเอง เช่น “คุณ” แทน “ผู้อ่าน”
ตัวอย่าง
❌ “การเขียนบทความต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายประการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” (ทางการเกินไป)
✔ “อยากให้บทความอ่านสนุก? แค่ทำตามเทคนิคนี้!” (กระชับและดึงดูดกว่า)
6. ใช้ภาพและ Infographic ช่วยให้อ่านง่ายขึ้น
บทความที่มีแต่ตัวหนังสือ อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อ การใส่ ภาพประกอบ Infographic หรือ Bullet Points จะช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างการใช้ภาพในบทความ
- ใช้ Infographic สรุปข้อมูล
- ใช้ แผนภูมิ หรือตาราง เปรียบเทียบข้อมูล
- ใช้ ไฮไลท์สี หรือตัวหนา (Bold) ช่วยเน้นคำสำคัญ
7. ปิดท้ายด้วย Call to Action (CTA)
หลังจากอ่านบทความจบแล้ว ควรมีการกระตุ้นให้ผู้อ่านทำอะไรต่อ เช่น
✔ “ลองนำเทคนิคนี้ไปใช้ แล้วมาแชร์ผลลัพธ์ของคุณ!”
✔ “หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ดาวน์โหลด E-book ฟรีที่นี่!”
ตัวอย่าง CTA ที่ดี
❌ “จบบทความแล้ว” (เฉย ๆ ไม่มีการกระตุ้น)
✔“ถ้าคุณอยากให้บทความของคุณน่าอ่านยิ่งขึ้น ลองใช้เทคนิคนี้ แล้วคุณจะเห็นความแตกต่าง!”
7 ขั้นตอนในการเขียนบทความให้อ่านง่ายและโน้มน้าวใจ
1. เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
2. ตั้งหัวข้อให้น่าสนใจ
3. เปิดเรื่องด้วย Hook ดึงดูดความสนใจ
4. แบ่งโครงสร้างบทความให้ชัดเจน
5. ใช้ภาษาที่กระชับและเข้าใจง่าย
6. ใช้ภาพและ Infographic ช่วยอธิบาย
7. ปิดท้ายด้วย Call to Action
หากคุณนำ 7 เทคนิคนี้ไปใช้ บทความของคุณจะน่าสนใจขึ้น และช่วยให้ผู้อ่านติดตามจนจบแน่นอน